Chulhu Gonfalon ตอนที่ 3: การฟื้นฟู
Chulhu Gonfalon
ตอนที่ 3: การฟื้นฟู
Translator: keep_reading Editor: - -
ดวงจันทร์ส่องลงทะเล คลื่นสีเงินนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมา ฉุยเซียงไม่รู้หรือเข้าใจผิดไป แต่หลังจากเขามาถึงโลกนี้ ดวงจันทร์ดูจะใหญ่กว่าโลกเสียอีก แสงจันทร์สว่างมาก แม้ตอนนี้จะเป็นเวลากลางคืน ฟ้าฝ่าก็ดูไม่เลว
ฉุยเซียงได้เห็นฟันกรามของเหล่าฝูงปลาเล็กที่กำลังมากลืนกินเขาอย่างชัดเจน
พวกมันเข้าใกล้และกินอย่างเร็วมาก ไม่นานหลังจากนั้น ได้มีการกินแมงกระพรุนบนผิวทะเลทั้งหมด พวกมันดาหน้ามาหาฉุยเซียงอย่างช้าๆ
ฉุยเซียงไม่ได้วิ่งไปไหน เขาลอยบนผิวทะเลอย่างเงียบๆและเตรียมพร้อมต่อสู้แทน
ในเวลาสั้นๆ ปลาเล็กสามตัวได้เข้ามาใกล้พอที่จะโจมตีเขา
ด้วยพวกมันเป็นศัตรูทางธรรมชาติ ปลาพวกนั้นทำให้แมงกระพรุนกลัวอย่างน่าประหลาด อย่างไรก็ตาม เมื่อมีวิญญาณมนุษย์ซ่อนอยู่ในร่างแมงกระพรุนตัวนี้
สิ่งสำคัญที่สุดคือแมงกระพรุนตัวนี้ไม่ได้มีพลังที่จะต่อกรเหล่าศัตรูทางธรรมชาติ! ความอ่อนแอนี้มันแตกต่างมาก!
ฉุยเซียงยิ้มเมื่อเขาเห็นฟันสีขาวของพวกปลาเหล่านั้นที่ต้องการกินเขาทั้งชีวิต
เขาได้เอื้อมมือตัวเองออกไปจับวิญญาณปลา เขาจับวิญญาณปลาสองตัวนี้ได้ง่ายมากและนำเข้าปากตัวเอง
หลังจากนั้นปลาสามตัวก็ตามรอยเพื่อนฝูงมา
แมงกระพรุนที่ฉุยเซียงสิงอยู่ถูกกัดเล็กน้อยเป็นค่าใช้จ่ายที่เขาทำไป
แม้จะเป็นการกัดเล็กๆแต่มันทำให้เขาตื่นตัว
แม้การเผชิญหน้านั้นเขาจะแข็งแกร่งกว่าเหล่าปลาเล็กพวกนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะรับมือในเวลาเดียวกันไหว เขามีแค่สองมือกับเหล่าฝูงปลาหลายร้อยพวกนี้
มีปลาสามตัวทำให้เขารู้สึกตื่นตัวเล็กน้อย ถ้ามีปลานับร้อยเข้ามาหาเขาในเวลาเดียวกัน มันจะเกิดอะไรขึ้น?
ฉุยเซียงเริ่มขวัญหนี เขามองไปอย่างระวังตัวรอบๆจากนั้นค้นพบว่ามีแต่พวกมันเต็มไปหมด
“เหี้...ย! มีพวกมันมากมายจริงๆ ฉันจะน๊อคพวกมันได้ยังไง วีรบุรุษแบบไหนกัน? แน่จริงมาสู้กันหนึ่งต่อหนึ่งสิวะ!” เขาได้แต่สาปแช่งเสียงดัง
มันเป็นเรื่องจริงที่ฝูงปลาพวกนี้ไม่มีความเป็นวีรบุรุษ ในอีกประโยคนึงพวกมันไม่สามารถได้ยินเสียงเขาได้หรือไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่
ดังนั้นพวกมันจึงเข้ามาจากทั้งสี่ทิศ
เมื่อฉุยเซียงตกใจมาก เขาก็ไม่ได้กังวลปัญหาเรื่อง ‘กิน’ อีกต่อไป
เขาแทนด้วยการเหวียงกำปั้นไปอย่างวุ่นวาย เขาต้องการสังหารเหล่าปลาเล็กปลาน้อยฝูงนี้
ขณะเดียวกัน แสงไฟสามแสงได้กระทบกับผิวทะเล เกล็ดปลาและฟันได้กระทบกับอีกตัว ผีน้ำเกิดใหม่ตัวนี้ได้สาปแช่งไม่หยุด
หลังผ่านไปไม่ได้นาน ในที่สุดผิวทะเลก็ได้สงบอีกครั้ง
ฉุยเซียงได้ยืนข้างซากปลาตัวเล็กที่ลอยขึ้นมาตัวหนึ่ง เขาสำลักเมื่อได้เห็นร่างที่เขาสิ่งทำการโจมตีอย่างหนักไปยังจุดที่สูญเสียร่างแมงกระพรุนไป
“ฉันพึ่งมาถึงโลกนี้ได้วันเดียวและเกือบถูกฆ่าหลายครั้งแล้ว โลกนี้มันอันตรายจริงๆ!”
หลังจากเปล่งเสียงไม่นาน ฉุยเซียงก็เริ่มคิดว่าเขาควรจะทำอะไรต่อไป
ร่างแมงกระพรุนนี้มันอ่อนแอมาก มีเรื่องขำในอินเตอร์เน็ตเล่าว่าพลังโจมตีของโอตาคุเท่ากับ 0.5 ของห่านตัวหนึ่ง แต่พลังโจมตีของแมงกระพรุนอาจจะไม่ได้ดีกว่า 0.1 ของห่านตัวหนึ่ง แม้ว่าพลังต่อสู้ของฉุยเซียงเป็นแบบล่องหนหลังจากเขากลายเป็นผีน้ำไป ไม่ไกล เขาได้ดึงพลังไปโจมตีตรงๆเมื่อพบศัตรู (ยกเว้นวาฬเขาเดียว)
หลังจากนั้นเขาได้ใช้แค่สองมือ เพราะว่าไม่สามารถป้องกันตัวเองจากทุกทิศทุกทางได้
ปลาพวกนี้พึ่งเกิดใหม่ มันไม่พอที่จะเติมเต็มท้องของเขา นี่ทำให้เขามีเวลายากลำบากเช่นนี้ ถ้าฉันเจอพวกดุร้ายกว่านี้ แล้วจะไปพึ่งอะไรได้?
เขาต้องการออกจากร่างไร้ประโยชน์นี้และเปลี่ยนไปร่างที่ยิ่งใหญ่กว่า แต่ขั่วขณะหนึ่งจึงนึกได้ว่าไม่มีทางออกจากร่างแมงกระพรุนตัวนี้ เขาได้แค่ต้องหาวิธีอื่น
“ยังไงก็เถอะ ฉันจำเป็นต้องหาทางแก้ปัญหาร่างกายนี้ก่อน” ฉุยเซียงพึมพำกับตัวเอง ยกหนวดหักครึ่งขึ้นมา “จากความทรงจำฉัน สิ่งมีชีวิตระดับต่ำจะมีความสามารถที่แข็งแกร่งที่รักษาตัวเองได้ -- เมื่อได้กินสารอาหารอย่างเพียงพอ”
แต่ จะไปหาสารอาหารได้จากที่ไหน?
โดยความคิดฉุยเซียง มันต้องกินแพลงตอนสิ
ไม่ว่าฉุยเซียงจะมองหามันยากเพียงไหน มันคงไม่เจอแพลงตอนในตำนานพวกนั้น
ฉันจะทำอะไรถ้าไม่มีแพลงตอน? ฉันอาจจะรอจนกว่าจะตายเพราะว่าอดอาหาร? อาจจะก่อนฉันตาย เพราะว่าหิว แมงกระพรุนพิเศษโชคร้ายตัวนี้คงเศร้าใจและบาดเจ็บมาก
ถ้าร่างนี้ตาย วิญญาณฉันจะตายด้วยใช่ไหมเนี่ย?
อาจจะ...มีโอกาส...
ไม่ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้! ผู้ชายตัวจริงจะไม่ตายน่าตลกแบบนี้
ฉุยเซียงช่วยไม่ได้ที่จะมองไปซากปลาสามตัวพวกนี้
วิญญาณปลาพวกนี้ได้ถูกเขากินไปแล้ว ถึงอย่างนั้นร่างนี้ยังอยู่ดี ตามหลักแล้วเนื้อปลามีสารอาหารอยู่เต็มเปี่ยมที่จะเติมเต็มความต้องการของร่างแมงกระพรุนตัวนี้ได้
ปัญหาคือ แล้วจะกินมันยังไง?
คำถาม : แมงกระพรุนกินอะไร? ออนไลน์...รออย่างใจจดใจจ่อ
แต่ไม่มีอินเตอร์เน็ต...
ฉุยเซียงคิดได้เมื่อเขาใช้หนวดเข้าใกล้ แล้วแหย่ปลาตายนั้น
หนวดแมงกระพรุนเป็นอาวุธสำหรับโจมตี จากทฤษฎี อาวุธที่ใช้สำหรับโจมตีจะเกี่ยวข้องกับเครื่องมือในการกิน ตัวอย่างเช่นฟันและปาก
แต่เขาค้นพบว่าหนวดแมงกระพรุนจริงๆแล้วมันถือปลาไม่ได้ ไม่ว่าฉุยเซียงจะพยายามควบคุมมันแค่ไหน หนวดแมงกระพรุนก็กระแทกผ่านเกล็ดปลาแข็งๆไม่ได้
“มีอาหารอยู่ข้างหน้าฉัน แต่ไม่มีทางที่จะวางมันลงในปาก นี่ช่างอนาถแท้!” ฉุยเซียงพึมพำกับตัวเอง เขาไม่ต้องการยอมแพ้
เขาสั่งให้หนวดกระแทกซากปลาที่ตายไปแล้วและพยายามค้นหาจุดที่ไม่มีการป้องกันบนร่างนั้น
ยิ่งพยายามยิ่งประสบความสำเร็จ สุดท้ายเขาก็เจอมันได้
ปากของปลา
ร่างข้างนอกปลาปกคลุมไปด้วยเกล็ดแต่ไม่มีเกล็ดข้างในตัวมันเอง เขาแค่ต้องใช้หนวดเข้าไปทางปาก จากนั้นก็กระแทกผ่านร่างกายมันช้าๆ
แต่ฉันควรจะทำอะไรต่อไป?
ฉุยเซียงจมลงในความคิดตัวเองอีกครั้ง
แยกน้ำผลไม้? (แยกน้ำออกจากน้ำผลไม้ = แยกองค์ประกอบ)
หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง เขาไม่รู้ว่าแมงกระพรุนมีความสามารถแบบไหนบ้างหรือไม่ปัญหาของเขามีจำกัด ไม่นาน มันไม่สามารถผลิตอะไรก็ตามที่แยกน้ำผลไม้ออกจากกันได้
กินตรงๆ?
หลังจากพยายามลองทางอื่นไม่กี่ครั้ง เขาไม่รู้ว่าหนวดแมงกระพรุนจริงๆแล้วไม่มีฟันหรือเขาโง่เอง มันไม่สามารถกินอะไรก็ได้
ราวกับเผชิญเหตุการณ์ที่ ‘หนูพยายามจะดึงเต่าออกมา แต่มันไม่มีทางที่จะจับได้’ ฉุยเซียงเริ่มโกรธ
“ณ วันนี้ ฉันจะไม่เชื่อในความเป็นผีอีกแล้ว! ฉันฆ่ามันได้แต่ว่าไม่สามารถกินได้? เนื้อเสิร์ฟตรงหน้าแต่กินไม่ได้!”
เขาต่อสู้อยู่กับตัเองชั่วขณะนึง จากนั้นสุดท้ายเขาได้ขุดเอาประสบการณ์ชีวิตเล็กๆจากสถานที่ในความทรงจำขึ้นมา
กล่องนมวางอยู่บนโต๊ะและฝาไม่ได้เปิด งั้นฉันจะดื่มมันได้ยังไง? แค่ใส่หลอดลงไปสิ
หนวดแมงกระพรุนสามารถปล่อยพิษได้ จากนั้นข้างในมันว่างเปล่าแน่นอนและแล้วทำให้เหมือนเป็นหลอด
มันแค่...คิดว่าวางหลอดลงภายในท้องปลาก็สร้างความรู้สึกน่าคลื่นไส้ให้กับเขาแล้ว
วิธีนี้เป็นไปไม่ได้
ไม่ต้องพูดถึงว่ามีของเสียในซากปลาอีก ทั้งเนื้อและกระดูก สุดท้ายฉุยเซียงยังเลือกวิธีประณีประณอมนี้ ใช้พลังทั้งหมดวางหนวดข้างในปลาให้ไกลที่สุดที่เป็นไปได้เพื่อที่จะกินปลาดิบ
อวัยวะอาจจะมีประโยชน์มากแต่เมื่อเขาคิดถึงอวัยวะภายใน ช่วยไม่ได้ที่รู้สึกอาเจียนออกมา
มันเป็นเนื้อปลาประหลาดที่เป็นของแข็งชัดๆ แต่การดูดซับแบบไหนถึงจะทำให้มันกลายเป็นของเหลวได้ มีการดูดซับแบบไหนที่ง่ายกว่านี้ไหม? ความสามารถแบบไหนที่แมงกระพรุนมี? แมงกระพรุนของโลกนี้ทำได้ไหมนะ?
มองไปความสำเร็จรอบๆของเขา ฉุยเซียงคิดชั่ววินาที ขอบคุณเครดิตทั้งหมดของเหล่าเหตุการณ์ประหลาดที่ปรากฎในโลกบ้าๆแบบนี้
คุณค่าทางโภชนาการที่พึ่งดูดซึมมาจำเป็นต้องใช้อย่างเต็มที่
แต่แล้วเขาจะใช้มันได้ยังไง?
ฉุยเซียงจมลงไปในความคิดตัวเอง
อันดับแรกเพิ่มความเร็วการเคลื่อนที่ ความเร็วการว่ายน้ำของแมงกระพรุนมันช้าอย่างมาก!
แต่ฉันจะเพิ่มความเร็วไปถึงจุดสูงสุดได้ยังไง?
เพิ่มเกล็ดปลาขึ้นอีก? เป็นไปได้ว่าเกล็ดปลาไม่ได้ช่วยแก้ปัญหานี้
เพิ่มหนวดขึ้น? หรือลดขนาดหนวดลง สร้างให้ดูเหมือนใบพัด?
ไอเดียพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดีทั้งนั้น….
ฉุยเซียงคิด คิด คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็ได้ไอเดียอันนึง
เขาตัดสินใจว่าให้แมงกระพรุนนี้มีสองใบพัด
ใบพัดเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปบนโลก หลักการทำงานไม่ซับซ้อน พูดอย่างตรงไปตรงมา มันเป็นกลุ่มของใบหมุน เมื่อใบพัดหมุนขึ้นมา ของเหลวจะผ่านจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งส่งผลลัพธ์เป็นแรงผลักย้อนกลับ สิ่งนี้พบได้ง่ายในอุปกรณ์ชีวิตประจำที่เป็นพัดลมไฟฟ้า
อากาศก็ดี น้ำก็ดี วิเคราะห์ตอนนี้ว่าดี อย่างน้อยฉุยเซียงก็รู้สึกประทับใจ
“ฉันต้องการล้อแข็งๆสามชิ้นและยังต้องแข็งแกร่งอีกต่างหาก”
ฉุยเซียงพึมพำกับตัวเองจากนั้นนำสารอาหารจำนวนมากเก็บไว้ในแมงกระพรุนเพื่อเปลี่ยนมันเข้าสู่โครงสร้างกล้ามเนื้อ จากนั้นย้อนกระบวนการเดิมจนกว่าเขาจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
หลังจากการค้นหาวิธีการนี้เขาได้ผ่านเข้าถึงเวลาดึกอีกครั้งแต่ก็ยังไม่พบวิธีการที่ถูกต้อง ผลิตใบพัดสองอันนี้เอาไว้ใช้ไม่นานเท่านั้น
ร่างกายสิ่งมีชีวิตมีความอัศจรรย์อย่างมาก เขาแค่จำเป็นต้องเข้าใจความสัมพันธ์ จากนั้นกระบวนการผลิตคงจะเรียบและง่ายขึ้น เขาต้องการลองอยู่สองสิ่ง
ออกแบบแล้วก็รอ
สร้างใบพัดที่หมุนได้ไม่ใช่เรื่องยาก ง่ายๆแค่วางพลังลงบนล้อจากนั้นมันก็คงทำงานทันที
อาจเป็นไปได้ที่สิ่งมีชีวิตจะเปลี่ยนตัวเองให้มีล้อหมุนจะเป็นเรื่องเจ็บปวด แต่ฉุยเซียงไม่ใช่แมงกระพรุน ไม่ว่าจะเศร้าเสียใจยังไง ร่างแมงกระพรุนนี้อาจจะได้รับความเจ็บปวด แต่เขาจะไม่ปล่อยให้มันทุกข์ทรมานมากนัก
ดังนั้นปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว เขาได้ระบบพลังที่ไม่เลวนักที่เอาไว้ใช้ฆ่าฝูงปลานั่น
สำหรับเพิ่มความเร็วการเคลื่อนที่ ฉันควรจะทำอะไรต่อไป?
พลังโจมตี? พลังป้องกัน?
ฉุยเซียงวิเคราะห์อยู่ชั่วขณะจากนั้นวางความสำคัญไปที่การป้องกัน
เขามีเคล็ดการโจมตีแบบล่องหนอยู่แล้ว จนถึงตอนนี้เขาไม่ได้ค้นพบปลาตัวไหนที่สามารถดูดพลังโจมตีอันน่ากลัวของเขาไปได้ นอกจากนั้นเขายังต้องการขยายขอบเขตการป้องกันของตัวเอง
ความคิดแรกที่ผ่านเข้ามาในสมองโดยธรรมชาติคือเกล็ด
บนโลก เมื่อเข้าสู่สงคราม ทหารจะสวมชุดเกราะหนักเพื่อป้องกันตัวเอง ฉุยเซียงตั้งใจว่าจะสร้างเกราะแข็ง --- เกล็ด --- ที่เอาไว้ปกป้องร่างตัวเองชั่วคราว
ไอเดียนี้ดีมาก เมื่อเขาเริ่มออกแบบเกราะเขาก็พบปัญหา
เส้นใยกล้ามเนื้อแมงกระพรุนไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะทำซ้ำรูปแบบเกล็ด
มันไม่ได้ขาดความแข็ง เกล็ดพวกนี้และใบพัดผอมนี้ต่างมีพื้นฐานเหมือนกัน อ่อนแอเหมือนกัน และขาด ‘ความยืดหยุ่น’
ฉุยเซียงเคยทำงานในค่ายทหารมาก่อน เขารู้จักอาวุธเจ๋งๆที่ต้องการความแข็งแรงแต่ยังยืดหยุ่นอีกด้วย ถ้าแค่เขามีพื้นฐานวิธี ‘แข็ง-ต้าน-แข็ง’ เพื่อป้องกันการโจมตี เขาคงจะสร้างร่างกายให้ดูดพลังโจมตีได้ตรงๆ
เหนือไปกว่านั้น เกราะที่ยืดหยุ่นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก
แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสร้างเกล็ดให้ยืดหยุ่น
หลังจากยืนยันจุดความคิดนี้ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะวางไอเดียนี้ลง ตั้งสมาธิไปที่การสร้างเปลือกแข็งแทน
มันง่ายกว่ากันมาก แค่เขาแค่ต้องใช้เส้นใยกล้ามเนื้อซ้ำๆกันเพื่อสร้างบาเรียไว้ครอบคลุมกระดูกทั้งหมด จากนั้นร่างอีกชั้นป้องกันการกระแทก นี่หละ ทุกๆอย่างเสร็จลง
ในที่สุดเขาก็ปรับรูปร่างของแมงกระพรุน
เมื่อดวงอาทิตย์ขนาดยักษ์ทั้งยังใหญ่กว่าโลกมากนัก เริ่มตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ฉุยเซียงจึงได้ทำเสร็จสิ้นการปรับเปลี่ยนชั่วคราวบนร่างกายนี้
รูปร่างทรงหยดน้ำ ผิวกายผอมและสีเทา มีกลุ่มของการป้องกันกระดูกรอบๆใบพัดทั้งสองข้างของร่างกายซึ่งให้พลังงานอันแข็งแกร่งแก่ร่างนี้ สุดท้าย มีหนวดเรียวยาวที่จุดสุดท้ายของร่าง เดิมที่เขาต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งหนวดนี้เหมือนกัน แต่สารอาหารไม่เพียงพอจนเขาต้องจัดการทีหลัง
ไม่ว่าจะมองยังไง มันดูเหมือนสัตว์ประปลาดเสียจริง
Chulhu Gonfalon ตอนที่ 2: ไล่ล่าและสังหาร
Chulhu Gonfalon
ตอนที่ 2: ไล่ล่าและสังหาร
Translator: keep_reading
พูดถึงผู้ล่า สิ่งที่น่าอับอายที่สุดคืออะไร?
ฉุยเซียงได้ล่องหนอย่างหมดจด เป็นอีกครั้งและอีกครั้งที่เขาไม่สามารถจับเหยื่อด้วยขาสั้นๆของเขาได้
ดี นี่คือเหตุการณ์ตอนนี้
เวลานี้ เขาได้นำตัวเองเข้าไปวิ่งในทะเลเพื่อไล่ล่าหลังจากพบเจอปลาตัวใหญ่เบื้องหน้า นอกจากนั้นไม่มีอะไรยากที่จะวิ่งเข้าหา ระยะห่างระหว่างเขากับปลาตัวนั้นเริ่มใหญ่ขึ้น และใหญ่ขึ้น และทุกๆสิ่งก็สิ้นหวังอย่างรวดเร็วที่สุด
ดังนั้นเขาจึงได้ยอมแพ้และถอนหายใจ
ระหว่างที่เขาได้ตามล่าอยู่นั้น เขาได้จับกินวิญญาณปลาตัวเล็กๆไปได้หลายตัว แต่ยังไม่สามารถจับปลาตัวใหญ่ตัวไหนได้เลย
เขาไม่ได้รู้จักปลาชนิดไหนในระแวกนี้ ทำได้จากการสังเกตความใหญ่ด้วยสายตาอย่างเดียว ใครไวกว่าก็ได้ไป ปลาเล็กพวกนี้มีสติแค่ครึ่งเดียว พวกมันไม่รู้สึกอะไรเมื่อเขาวางแขนลงไป จากนั้นมันก็ง่ายที่จะหยิบวิญญาณและจบชีวิตพวกมัน ความแตกต่างระหว่างปลาเล็กและปลาใหญ่คือปลาใหญ่มันรู้สึกตัวง่ายเมื่อพบอันตราย นอกจากนั้นเมื่อเขาเข้าใกล้ปลาตัวใหญ่ มันอาจจะหลบหลีกและหนีไปไกลจากเขา
แน่นอนว่าเขาได้ลองเข้าไปใกล้พวกมันอย่างลับๆแต่กลับล้มเหลว มันเหมือนหิ่งห้อยในตอนกลางคืน เขาไม่อาจซ่อนพลังงานที่มีอยู่ได้ เขายังพยายามไล่ล่าเหยื่อพวกนั้นแต่ทั้งหมดกลับไร้ผล เขาค้นพบตัวเองว่าเขาช้าจริงๆ
“มันเป็นไปไม่ได้เลย!” หลังจากไล่ล่ารอบล่าสุดล้มเหลว เขาคิดขึ้นกับตัวเอง “นี่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจับพวกมันเลยน่ะสิ!”
ดังนั้นเขาได้ใช้ตาของเขาจ้องมันอีกครั้งบนเหล่าปลาเล็กโง่ๆนั้น
แม้แต่จำนวนวิญญาณในพวกปลาเล็กๆพวกนี้ก็มีนิดเดียว มันยังไม่เป็นไรถ้าเขากินทั้งฝูงพวกมัน...
การไปพาลกับเหล่าปลาเล็กพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจ แต่ถ้าเพื่อความอยู่รอดมันก็คงจะแตกต่าง ธรรมชาติมันไม่สำคัญว่าจะเป็นสัตว์กินเนื้อ เมื่อเป็นคนล่า ก็อาจจะเลือกตัวที่แก่ อ่อนแอ และพิการเป็นสิ่งแรกที่จะโจมตี
ฉุยเซียงต้องการใช้รูปแบบความคิดนี้เพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบาย แต่ผลลัพธ์ที่เขาพิสูจน์มันไม่ได้ต่างไปจากความเป็นจริง
ในโลกแห่งธรรมชาติของเหล่าสัตว์กินเนื้อ พื้นฐานแล้วจะไม่มีผู้เล่นที่มีไอคิวสูงเหมือนเขา นี่ทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นเศร้าหมองและดูอกหัก
ในอีกนัยหนึ่ง พวกมันไม่ได้ล่องหนและพลังโดดเด่นน่ากลัวเหมือนที่เขาทำ การล่าและพักผ่อนเป็นวงจรของ ‘ชีวิต’ พวกมันไม่มีเวลาที่ ‘เสียใจเมื่อผ่านฤดูใบไม้ผลิ หรือรู้สึกเศร้าเมื่อใบไม้ร่วงมาถึง’
ยืนอยู่ใจกลางซากปลาที่ไหลไปตามทะเลตอนนี้ ฉุยเซียงถอนหายใจอย่างเศร้าๆ
“ถ้าฉันยังต้องฆ่าปลาเล็กปลาน้อยพวกนี้ ฉันจะทำลายสมดุลระบบนิเวศให้ดู!”
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เมื่อฉุยเซียงเห็นเหล่าปลากลุ่มใหญ่ เขาก็คิดได้ว่าผิดพลาด ผู้ล่าตัวเล็กเหมือนเขาไม่มีทางทำลายสมดุลระบบนิเวศที่ล่าและกินง่ายเช่นนี้
ไม่เห็นว่าวาฬยักษ์เขาเดียวเติมเต็มท้องหรอกหรือ? หนึ่งมื้อของมันแต่เพียงพอให้ฉันอิ่มไปครึ่งปี ถ้านั่นไม่ได้ทำลายสมดุลระบบนิเวศ ทำไมฉันต้องรู้สึกเศร้าใจขนาดนั้น
ฉุยเซียงคิดเข้าข้างตัวเอง ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงอันตรายอย่างใหญ่หลวง
มันเป็นความรู้สึกแบบ ‘หนามข้างหลัง’ ไม่สิ ‘หนามข้างหลัง’ ก็ไม่ถูก เป็นเข็มที่แทงทะลุเข้าเบ้าตาฉันด้วยพลังเล็กน้อย มันจะแทงผ่านตาจนฉันจะกลายเป็นคนตาบอด นั่นคือความอันตรายที่ว่า
ความอันตรายนี้มาจากไหน?
ฉุยเซียงมองไปรอบๆเพื่อหาต้นตอความอันตราย
เขาไม่ได้มองไปทางไหนเพราะว่าคำตอบก็อยู่ข้างหน้าสายตาเขาแล้ว
วาฬยักษ์เขาเดียวกำลังว่ายน้ำมาทางฉุยเซียง ฉุยเซียงมีกลุ่มก้อนอาหารน่าดึงดูดขนาดใหญ่ เพื่อเหตุผลไม่รู้บางอย่าง ไม่ต้องใส่ใจกับเขาและแค่ล่าเหล่าฝูงปลาเล็กพวกนี้เลย
“เหี้..ย!”
เหมือนโดนคำสาปจากนั้นหันไปรอบๆเพื่อวิ่งหนี
นี่เป็นเดือนที่สิบสองในปฏิทินดวงจันทร์ ฉันได้วิ่งหนีอย่างรวดเร็ว (มันหมายถึงเดือนโชคร้ายในภาษาจีน) ก่อนนี้ฉันได้เป็นคนล่าคนอื่น ตอนนี้ถึงตาของตัวเองที่เป็นฝ่ายโดนไล่ล่าและโดนสังหาร
ไม่ต้องคิดเลย ฉันแน่ใจได้ว่าไม่สามารถเอาชนะวาฬขนาดมหึมานี่ได้ ถ้าฉันเอาชนะไม่ได้ นั่นก็มีเพียงตัวเลือกเดียวคือการวิ่งหนี
ถึงอย่างนั้นหลังจากก้าวออกไปไม่กี่ก้าวเขาก็หยุดและก็คิดขึ้นมาได้
ความเร็วของวาฬยักษ์มันเร็วแบบนี้ แล้วฉันจะหนีด้วยขาเล็กๆไปได้ยังไง?
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ มีแต่ผีเท่านั้นที่ทำได้น่ะ!
งั้น ฉันควรจะทำยังไงดี?
เหตุการณ์ความเป็นความตายมาเผชิญหน้า ฉุยเซียงจมอยู่ในความคิด
คำถาม : เมื่อคุณอยู่เดียวดายในป่าและไม่มีการขนส่งอะไรเลย หรืออาวุธสักชิ้น สัตว์น่ากลัวกำลังกระโจนเข้าหาคุณและต้องการคุณเป็นมื้อค่ำ จากนั้นคุณจะทำอะไร?
ค้นหาออนไลน์ อะไรก็ได้ที่เร่งด่วน
แต่ไม่ควรด่าเพราะว่าตอนนี้ไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าเขาจะรอนานแค่ไหน ไม่มีอะไรจะมายกเว้นเจ้าวาฬยักษ์เขาเดียวนี่ แต่มันก็ไม่ไกลนัก
ทุกความรู้สึกทุกอย่างของความเชื่อและไม่เชื่อได้ดิ้นพล่านข้างในเขา ฉุยเซียงกวาดตาอย่างบ้าคลั่งไปทางตะวันตกและตะวันออกเพื่อหาโอกาสหนี
เขาไม่สามารถหาอะไรเจอ
ถ้าเขาลงไปในทะเลลึก เขายังหาช่องว่างระหว่างหินไว้ซ่อนตัวได้ วาฬเขาเดียวตัวนั้นคงไม่สามารถพลิกพื้นทะเลเพื่อหาเขาได้ แต่ว่า...เขาไม่ได้ดำอยู่ในทะเลลึก ตื้นของทะเลมันแค่สองเมตร
ถ้าเขาบินบนฟ้าได้ เขาคงหนีนักล่าทางทะเลตัวนี้ได้ จากนั้นเขาจะลอยในอากาศ แสยะยิ้มให้มัน และเยาะเย้ยความอ่อนแอนั้น
ยังสิ ฉุยเซียงบินไม่ได้
จริงๆเขาลองพยายามบินแล้ว แต่มันแค่การกระโดดออกจากพื้นผิวทะเลเพียงแวบเดียว นอกจากนั้นน้ำหนักวิญญาณไม่ได้ต้านทานเขาจากการขึ้นบิน เขาโดดสูงสุดได้แค่สองเมตร
ถ้าเขายังอยู่บนพื้นโลก การกระโดดถึงสองเมตรอาจจะทำลายสถิติโลกได้ นั่นเพียงพอให้เขาไปโอลิมปิก กลายเป็นตำนาน
ถึงอย่างนั้นตอนนี้ เหตุการณ์ตอนนี้มันยากกว่ากัน นี่มันไร้ประโยชน์สิ้นดี
ระยะความสูงในปากที่เปิดอยู่ของสัตว์ยักษ์ตัวนี้มากกว่าห้าเมตร ดังนั้นความสูงสองเมตรไม่ควรเอ่ยถึง
“บางทีชีวิตฉันต้องจบลงตรงนี้? หลังจากถูกวาฬยักษ์เขาเดียวกิน ฉันจะกระโดดกลับมาอีกครั้งได้ไหมนะ?”
ระยะห่างระหว่างเขาและวาฬยักษ์เริ่มใกล้ขึ้น และใกล้ขึ้น เนื่องจากเร่งรีบ ฉุยเซียงช่วยไม่ได้ที่จะพูดอย่างไร้สาระ
ขณะนั้น เขาเห็นแมงกะพรุนยักษ์ลอยบนผิวทะเล
ยกเว้นแค่ขนาดใหญ่โตนั้น แมงกระพรุนตัวนี้ไม่มีอะไรแตกต่างจากแมงกระพรุนตัวอื่นที่เคยกินมาก่อนหน้านี้
แต่ด้วยความไม่มีเหตุผล มีกระแสไฟฟ้าจุดประกายข้างในหัวและทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นได้
บางที...ฉันจะลองทำมันดูสักหน่อย...
วินาทีต่อมา ฉุยเซียงลองหดตัวเองให้เล็กที่สุดและจากนั้นพุ่งออกไปที่แมงกระพรุนตัวนั้น
รอบๆด้านราวกับสั่นสะเทือน จากนั้นไม่ช้าการเขย่าก็หยุดลง ทุกๆสิ่งในระยะสายตาเป็นปกติ
ท้องฟ้า ทะลสีฟ้า อาหารกองเล็ก
เขาได้กลืนกินแมงกระพรุนทันทีโดยไม่ได้คิด จากนั้นด้วยความทรงจำของเขา เขาได้ลองหาตำแหน่งและว่ายน้ำ
การว่ายน้ำของเขาดูเงอะงะ ถ้ามีการแข่งขันตัวตลกว่ายน้ำแมงกระพรุนโลก เขาคงชนะรางวัลเหรียญทองแน่ๆด้วยท่าว่ายน้ำของเขาเวลานี้
ชั่วครู่บนพื้นผิวทะเลไม่ไกลจากที่นี่ได้สั่นอย่างรุนแรง ร่างยักษ์ที่ว่ายมารอบๆเหมือนกับมองหาอะไรบางอย่าง แต่อีกครั้งที่มันจมลงไปในน้ำหลังจากเจออะไรบางอย่าง
เขาเดิมพันว่าเขาจะชนะ!
จากการสังเกตุเมื่อเขาเข้าสิงร่างแมงกระพรุนนี้และไม่ได้เป็นวิญญาณเปลือยอีกแล้ว วาฬยักษ์เขาเดียวนั้นก็ไม่สามารถหาเขาเจอได้
หลังจากวาฬเขาเดียวจมลงทะเล ฉุยเซียงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าเขายังใจเย็นไม่ได้ เขาได้ลองเคลื่อนไหวหนวดและว่ายน้ำเข้าหาตำแหน่งที่วาฬยักษ์เขาเดียวออกไป
ถึงแม้ว่าความเร็วของเขาไม่ได้เร็ว เขาก็ไม่กล้าหยุดแน่ๆ
ไม่รู้ว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยเล็กน้อย
พระอาทิตย์ตกดิน นกทะเลหลายตัวกลับมาบ้าน ปลายังมีนอนพัก งั้นตอนนี้เขาก็ปลอดภัยสิ?
เขายังไม่แน่ใจเพราะว่าเขาไม่ได้ศึกษาชีววิทยาทางทะเลมาก่อนดังนั้นจึงได้แต่เดาสุ่ม
ถึงอย่างนั้นตอนดึกก็ดีอย่างมากสำหรับเขา จากในนิทานหรือตำนานหลายเรื่อง พวกผีมักจะออกมาตอนดึก
นอนบนทะเลเพื่อพักผ่อน เขาต้องการออกไปจากร่างแมงกระพรุนผู้โชคร้ายตัวนี้ ตัวเขานี้มันอ่อนแอแถมความเร็วก็ยังช้าอีก กระทั่งเมื่อเขาควบคุมร่างก็รู้สึกว่าจะหาปลาได้ดีขึ้น ปลาตัวใหญ่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แต่ไม่นาน เขาค้นพบปัญหาอย่างรวดเร็ว นี่เป็นปัญหาใหญ่มาก
เขาไม่มีทางออกไปจากร่างแมงกระพรุนตัวนี้
มันเหมือนกับไม่สามารถออกไปได้ เขาไม่มีทางออกจากร่างตัวนี้ได้สำเร็จ ร่างนั้นบอบบาง อ่อนแอและแตกกระจายได้ถ้ามีอะไรกระทบมัน ส่วน ณ ตอนนี้ เขาแข็งแกร่งจนจินตนาการไม่ถึง ไม่ว่าเขาจะลองฉีกแรงๆ ดึงแรงๆ มันเป็นเหมือนกาวเหนียวแน่นกับเขา ไม่มีทางแบ่งตัวเองออกจากมัน อีกด้านหนึ่งถ้าเขาไม่ระวังตัว วิญญาณเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจหดไปที่แมงกระพรุน แม้สายตาเขาจะเปลี่ยนไปที่ร่างของแมงกระพรุนก็ตาม หลังจากเสียเวลาใช้ความพยายามมานาน ดวงจันทร์ก็โผล่ขึ้นมาแล้ว ฉุยเซียงถอดใจ
“งั้น ตอนนี้ฉันกลายเป็นแมงกระพรุน”
เขามองหน้าไปบนท้องฟ้า ถอนหายใจ เขาช่วยไม่ได้และได้แต่ยอมรับความจริงอันขมขื่น
เขาจำเรื่อง ‘แปดอมตะ’ ที่เคยอ่านมาก่อนได้
มีนางฟ้าคนหนึ่งได้กินศพขอทานเข้าไปจากนั้นก็ได้เป็นขอทานนับตั้งแต่นั้น เขาจะได้ว่าตอนที่ได้ยินเรื่องนี้เขาได้หัวเราะนางฟ้าผู้นี้ เขาพบว่านางฟ้าคนนี้ช่างโง่นัก ถ้ามีโอกาส แม้ว่าจะหาร่างองค์จักรพรรดิไม่เจอ อย่างน้อยคงจะหาหินที่อยู่บนภูเขาฮัวโต๋
แม้ว่าในตอนจบ เขาอยู่ในร่างแมงกระพรุน กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ชั้นล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร
เคราะห์ร้ายอะไรเช่นนี้!
หลังจากโศกเศร้าไปสักพัก ฉุยเซียงตื่นขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้งด้วยความหิว
การถอนหายใจไม่ได้ช่วยอะไร เรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้คือการเติมเต็มท้อง
“แมงกระพรุนควรจะกินอะไร?” เมื่อเขามองหาอาหาร เขาก็ตกตะลึงในทันที
แมงกระพรุนควรจะกินอะไร? ฉันได้เรียนรู้เรื่องนี้แล้ว!
มันกินปลา?
หลังจากมองร่างอันบอบบางกับหนวดเรียวพวกนี้ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะส่ายหัว การกินปลาเป็นทางเลือกที่ดี!
ถ้ากินแพลงตอนหละ?
แล้วจะหาแพลงตอนได้ที่ไหน?
ฉุยเซียงมองซ้ายมองขวา เตร็ดเตร่ไปทุกที่ ค้นหารอบๆกว่าครึ่งวันแต่เขายังไม่พบร่องรอยของแพลนตอนสักที่
ความหิวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆและเขาเริ่มค่อยๆกระวนกระวาย
เกิดอะไรขึ้นถ้าฉันหาอาหารไม่ได้? ฉันคงตายเพราะอดอาหารแน่ๆ
ผีจะตายได้ยังไง? ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่แมงกระพรุนจะอดอาหารตาย
งั้นถ้าอดอาหารตาย จากนั้นฉันก็ออกจากร่างแมงกระพรุนได้น่ะสิ?
บางที...ไม่น่าใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่...
ฉุยเซียงคิดอีกครั้งและอีกครั้ง เขาเป็นทุกข์มากขึ้น
ขณะนั้น จู่ๆเขาก็ตกใจและรู้สึกบางอย่างได้ว่ามีอะไรมองมาที่เขา
ความรู้สึกนี้เหมือนกับที่เขารู้สึกทุกครั้งที่เจอวาฬยักษ์ตัวนั้นมองมาทางเขา เป็นความรู้สึกอึดอัดเหมือนมีหินอยู่ในรองเท้า
เขาก้มลงต่ำเพื่อตรวจสอบ กลุ่มปลาเล็กได้ว่ายเข้าหาเขาเหมือนฤดูใบไม้ร่วงตบด้วยสีทอง มีความดุเดือดเลือดพล่านบนพื้นผิวทะเล
ปลาพวกนี้ไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่ ขนาดใหญ่สุดแค่ฝ่ามือนึงเท่านั้น แต่มันดูค่อนข้างก้าวร้าว พวกมันเปิดปากกว้าง ฟันสีขาวสะท้อนแสงดวงจันทร์ทำให้ดูน่ากลัว
จากการสังเกต พวกมันเป็นศัตรูตามธรรมชาติของแมงกระพรุน
ฉุยเซียงมีอาการตกใจแต่เขาก็กลับมาใจเย็นอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว
เขาเอาชนะวาฬยักษ์ไม่ได้ เขาจะเอาชนะกลุ่มปลาเล็กโง่ๆพวกนี้ไม่ได้ได้ยังไง?
มาเถอะน่า มาดูว่าใครจะกินใคร!
ค้นหาบล็อกนี้
หมวดหมู่
Popular Posts
-
เทพทรู Overgear ตอนที่ 1 [คำเตือน!!] โปรดอ่านเพื่อเข้าใจศัพท์เฉพาะจะทำให้อ่านได้อรรถรสยิ่งขึ้น ดันเจี้ยน(Dungeon) หมายถึ...
-
เทพทรู Overgear บทนำ [คำเตือน!!] โปรดอ่านเพื่อเข้าใจศัพท์เฉพาะจะทำให้อ่านได้อรรถรสยิ่งขึ้น ดันเจี้ยน(Dungeon) หมายถึง สถานที่...